บล็อกนี้ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องจาก แดนอรัญ แสงทอง

วันเสาร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2553

แดนอรัญ แสงทอง : อัศวินวรรณกรรมฝรั่งเศส

เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมามีแฟนนักอ่านของคุณแดนอรัญกลุ่มหนึ่งถามข้าพเจ้าด้วยสีหน้าที่เต็มเปี่ยมด้วยความหวังว่า “คุณแดนอรัญจะมาแจกลายเซ็นในงานสัปดาห์หนังสือปีนี้ไหม ? ” เป็นคำถามง่ายๆ แต่ทำเอาข้าพเจ้าเหวอและเออไปชั่วขณะ .... เพราะไม่คาดคิดว่าจะมีใครมาถามกันแบบนี้ เขา (คนอ่าน) บอกว่าคุณแดนอรัญเป็นเทพขั้นพ่อทางภาษาที่มีผลต่อการอ่านหนังสือของเขามาก ถ้าได้เจอคุณแดนอรัญ (ตัวจริง) สักครั้งถือเป็นโบนัสสูงสุดในชีวิต “ขอดูห่างๆ ผมก็มีความสุขแล้วครับ”

มิตรสหายวงการน้ำหมึกต่างรู้ดีว่าคุณแดนอรัญ แสงทองคนนี้เป็นนักเขียนที่สื่อต่างๆ ทั้งไทยและต่างประเทศอยากได้ตัวขอสัมภาษณ์มาก เพราะทุกคนต่างก็อยากอัพเดตข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับเขาว่าทำอะไรเขียนอะไรอยู่ และเราก็ต่างรู้ดีอีกเช่นกันว่า ในความเป็นจริงนั้นคุณแดนอรัญเป็นคนเรียบง่ายสมถะที่สุด ชอบอยู่เงียบๆ และรักความสันโดษเข้ากระดูก เขาไม่ถนัดที่จะอยู่ท่ามกลางคนหมู่มากและไม่ชอบสมาคมกับใคร เพราะเขาอยากใช้เวลาทุ่มเทให้กับงานเขียนอย่างเต็มที่

แฟนนักอ่านกลุ่มนี้ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงตอนที่คุณแดนอรัญมาปรากฏตัวที่กรุงเทพ เมื่อวันศุกร์ ที่ 7 พฤศจิกายน 2551 ณ สมาคมฝรั่งเศส ถนนสาทรใต้ ที่สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศส ประจำประเทศไทย ได้จัดพิธีมอบเครื่องอิสริยาภรณ์ชั้นเชอวาลิเย่ร์ ด้านศิลปะและอักษรศาสตร์ให้เขาเป็นอัศวินทางวรรณกรรม ผู้สร้างสรรค์ผลงานวรรณกรรมชั้นเยี่ยมจนเป็นที่ยอมรับและสร้างชื่อเสียงโด่งดังอย่างมากในยุโรป เขาเป็นนักเขียนไทยคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้

ตอนนั้นหลายคนร้อง “ว้า” บ่นเสียดงเสียดาย ตีโพยตีพาย ตัดพ้อต่อว่าตัวเองสารพัด และลมแทบจับเมื่อเห็นข่าวการปรากฏตัวของคุณแดนอรัญที่สื่อต่างๆ เขียนบันทึกไว้ เพราะถ้าได้ข่าวล่วงหน้า  พวกเขาที่อยากเห็นตัวจริงของคุณแดนอรัญ แสงทอง สักครั้งหนึ่ง 

บรรทัดต่อจากนี้คือคำสุนทรพจน์ที่คุณแดนอรัญ แสงทอง เขียนไว้เพื่อกล่าวในงาน  เรียน พณฯ

ท่านเอกอัครราชทูตข้าพเจ้าไม่สู้จะแน่ใจนักว่าข้าพเจ้าคู่ควรกับเกียรติยศที่ข้าพเจ้าได้รับหรือไม่ ข้าพเจ้าเกรงว่าเพื่อนร่วมชาติของข้าพเจ้าอาจไม่พอใจและไม่เข้าใจ แม้แต่ตัวข้าพเจ้าเอง ในบางขณะ ก็ยังคลางแคลงใจว่ามีความไม่เหมาะสมบางประการในการที่ใครสักคนจะดึงดันฝ่าฝืนกระแสความคิดหลักของสังคมโลก-ต่อให้กระแสความคิดหลักนั้นจะนำพาเราไปสู่ความพินาศก็ตาม หลายต่อหลายครั้งข้าพเจ้าเองก็ยังอดไม่ได้ที่จะหลงใหลได้ปลื้มกับมนุษย์อย่างดาร์ตาญังและขุ่นรำคาญแม้เมื่อเพียงแต่ได้ยินนามของบุคคลอย่างดอน คีโฮเต้ถูกกล่าวขานออกมา

ข้าพเจ้าจำเป็นที่จะต้องต่อสู้ในสงครามของข้าพเจ้าต่อไป ด้วยยุทธวิธีของข้าพเจ้าเอง สงครามนั้นยังไม่สงบและอาจไม่มีวันสงบ ชัยชนะเป็นแต่เพียงความหวังอันเลื่อนลอย การถูกปิดล้อมได้ดำรงอยู่มาแล้วหลายศตวรรษและก็จะยังดำเนินอยู่ต่อไป ค่ำคืนของข้าพเจ้ามืดมน อับชื้น และคลุ้มคลั่ง อุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 451 องศาฟาเรนไฮต์ แต่แม้จะร้อนรุ่ม ก็ยังคงเหน็บหนาว และยาวนานไม่รู้จบ อมอำกลืนกินทิวาวารเอาไว้จนแทบหมดสิ้น เต็มไปด้วยกลิ่นอายของฝิ่น ไวน์ และละอองไอแห่งมนตราวิเศษที่ลอยละล่องอยู่ในทุกอณูของอากาศ ที่ซึ่งแสงสว่างกระจ่างจ้าของเหตุผลและตรรกวิทยา แทบไม่ได้รับอนุญาตให้ฉายส่องเข้าไป แต่ข้าพเจ้าก็ปฏิพัทธ์พิสมัยค่ำคืนเยี่ยงนั้น ก็ในสภาพการณ์เยี่ยงนั้นนั่นเอง ที่ทำให้มนุษย์เราได้กลั่นกรองตนเองครั้งแล้วครั้งเล่า ไปสู่สถานะใหม่ ซึ่งถ้าหากมิใช่เดรัจฉาน ก็คือเทพเจ้า

พณฯ ท่านคงจะรู้ดีอยู่แล้วจากประสบการณ์ของพณฯ เอง ว่าผู้ที่บังอาจกล่าวถ้อยคำเช่นนี้ออกมา ต้องเป็นผู้ที่คุ้นเคยกับสภาพทางภูมิศาสตร์ของขุมนรกต่างๆ มาแล้วเป็นอย่างดี

พญาอัศดรอันดุร้ายแรงพยศ เกราะ โล่ ศาสตราวุธอันคมกล้า อาจไม่มีคุณค่าแต่อย่างใดเลยในสายตาของมนุษย์ผู้อื่น แต่สำหรับข้าพเจ้าแล้ว สิ่งเหล่านี้เลิศล้ำอำไพยิ่งกว่ารสรักแห่งอิสตรี

ข้าพเจ้าใคร่ขอถือโอกาสนี้ขอบคุณพณฯ ท่าน พณฯ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและการสื่อสารแห่งประเทศฝรั่งเศส คณะบรรณาธิการแห่งศูนย์หนังสือแห่งชาติของฝรั่งเศส คณะบรรณาธิการของสำนักพิมพ์เอดิตีอ็อง ดือเซยแห่งประเทศฝรั่งเศส และบรรดานักอ่านชาวฝรั่งเศส ด้วยความจริงใจ ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน และด้วยน้ำเสียงอันสุภาพราบเรียบ สงบงัน ด้วยความซาบซึ้งในความกรุณา

ข้าพเจ้าอับจนหนทางไม่รู้ว่าจะขอบคุณเมอร์ซีเออร์มาร์แซล บารังส์ด้วยถ้อยคำใดและด้วยวิธีการเช่นใดดี ข้าพเจ้าจำเป็นต้องถือโอกาสนี้กล่าวขอบคุณเขาไว้เสีย ณ ที่นี้และข้าพเจ้าขออนุญาตกล่าวถ้อยคำต่อไปนี้อย่างอาจหาญด้วยเสียงคำรามอันกัมปนาทของอสุนีบาตจากใจกลางของวสันตฤดูอันกราดเกรี้ยว

เขาผู้ซึ่งเป็นไซล็อกผู้ใจเสาะและสะเพร่ากับตัวเลขของข้าพเจ้า เป็นนักวิจารณ์ผู้เฉียบคมและปราศจากอารมณ์ขันของข้าพเจ้า เป็นมิตรผู้ร้ายกาจและศัตรูผู้แสนดีของข้าพเจ้า เป็นผู้จัดหาหนังสือดีๆ ต่างๆ ให้ข้าพเจ้าหยิบยืมและแสร้งลืมทวงคืนอยู่เสียเนืองๆ เป็นผู้ไม่แยแสสนใจต่อกล้วยไม้ไทยแท้ มวยไทยแท้ และศาสนาพุทธแบบไทยแท้เอาเสียเลย ทั้งที่สามสิ่งนี้โดยแก่นสารแล้ว เป็นสิ่งที่ดีงามอันหาได้ยากยิ่งในโลก เป็นผู้ที่ได้ทุ่มเทความอดทนและวิริยะอุตสาหะแปลงานวรรณกรรมของข้าพเจ้าออกเป็นภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศส เป็นผู้ซึ่งนามของเขาเกี่ยวติดกับนามของข้าพเจ้าราวกับถูกเกี่ยวด้วยห่วงงอของอ้ายตัวอัมเปอร์แซนด์อันเก่าแก่ดึกดำบรรพ์ โลกในความคิดฝันของข้าพเจ้าซึ่งข้าพเจ้าต้องทนแบกมันอยู่นั้น เขามีส่วนร่วมในการแทนแบกมันอยู่ครึ่งหนึ่ง ผีเสื้อทางวรรณกรรมผู้นี้แม้จะเป็นชาวฝรั่งเศสแท้ๆ แต่โดยข้อเท็จจริง เขาคือผู้ที่ได้ทำให้วรรณกรรมไทยร่วมสมัยได้รับการเผยแพร่สู่สายตาของชาวโลก มากยิ่งกว่าชาวไทยคนใดทั้งสิ้น เขาเป็นฌอร์ฌ เซเดย์แห่งยุคไซเบอร์พังค์โดยแท้ในแบบฉบับของเขาเอง

เกียรติยศที่ข้าพเจ้าได้รับ สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องให้เขามีส่วนร่วมด้วย-กึ่งหนึ่ง-ไม่มากไปกว่านั้น ไม่น้อยไปกว่านั้น เพราะว่านี่คือการแบ่งปันระหว่างนักรบผู้พิสมัยราตรีกาลด้วยกัน สมควรหรือไม่สมควรประการใด ก็สุดแล้วแต่วิจารณญานของพณฯ ท่าน เอวังก็มีด้วยประการฉนี้ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง

แดนอรัญ แสงทอง                            

กระท่อมผู้ชนะ : 28 พฤษภาคม 2551

2 ความคิดเห็น:

  1. ติดตามผลงานของคุณเสน่ห์ สังข์สุข ตั้งแต่มัธยม ตอนนั้นไปเจอโดยบังเอิญเงาสีขาวฉบับแปลเป็นภาษาฝรั่งเศสโดย Marcel Barang ก็เลยซื้อมาอ่าน หลังจากนั้นก็พยายามไปหาเล่มภาษาไทยมาอ่าน แล้วติดตามผลงานของเขาเรื่อยมา สนับสนุนบล๊อคดีๆ แล้วดีใจที่ได้เจอบล๊อคนี้ค่ะ ^^

    ตอบลบ
  2. ขอแสดงความชื่นชมค่ะ

    ตอบลบ