บล็อกนี้ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องจาก แดนอรัญ แสงทอง

วันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ความหมายที่แท้จริงของศิลปิน : แดนอรัญ แสงทอง


จาก หนังสือที่ระลึก รางวัลศิลปาธร 2553 (Silpathorn Awards 2010) (บางส่วน) 

คน “ชั้นแนวหน้า” คนผู้มีความคิดก่อ คิดสร้างสิ่งใหม่สิ่งแปลกไปเรื่อยๆ ก่อนคนอื่น ให้เป็นของยาก ของแรง ของจัด ของยังไม่ถึงยุคถึงสมัย มันยังไกลเวลาอยู่ มันยังไม่จำเป็น มันยังไม่ใช่ของสมเหมาะสมควร ให้ออกมาก่อนคนอื่น โดยผู้คิดนั้น เขาหลงตนเอง ว่าเป็น “นักคิด – นักสร้างสรรค์ ” นักนำหน้า แท้จริงนั้น เขาเป็น นักผลิตความเฟ้อ เพราะ เขาสมมุติสิ่งใหม่ เขาบัญญัติตัวตนอันใหม่ขึ้น ประเดประดังมาให้แก่โลกอีก ให้โลกหลง ให้คนในโลกเพิ่มบัญญัติมาก สมมุติเข้าไปอีก ไม่ว่าจะเป็น “ศิลปิน” แขนงใดก็ตาม จิตรกร ปฏิมากร สถาปัตยกร มัณฑนากร วิภูสนัฏฐานกร กวีกร คีตกร วาทิตกร นาฏกร หรือ นัจจกร ฯลฯ  

ถ้าการคิดสร้าง การประดิษฐ์ใหม่นั้นเน้นไปในทางฟุ้งเฟ้อ สุรุ่ยสุร่าย เปลืองเปล่า เลื่อนลอย ไร้ประโยชน์ ไม่รับใช้เศรษฐกิจปัจจุบัน แต่มากเกินไปด้วย สวยงามไพเราะ หอมหวาน ซาบซ่านใจแบบวัตถุธรรมชัดๆ ก็ดี (กามตัณหา) หรือ เพลิดเพลินใจอยู่ด้วยการเสี่ยงทาย การเดา การคิด การมี แต่ “อัตภาพ” ที่ตนสร้างตนสมมุติยึดไว้แบบอรูปธรรม ก็ดี (ภวตัณหา) ก็เป็นเพียงอารมณ์ประโลม เป็นเพียงปฏิกิริยา ซึ่งไม่ใช่สารัตถะแท้ แถมจะห่างสารัตถะแท้ของประโยชน์ ที่เป็นไปเพื่อความตั้งอยู่แห่งชีวิตจริงๆ มากขึ้นๆ ด้วย “ศิลปิน” นั้นๆ ก็คือ ผู้ทับถมโลกด้วย การก่อ การสร้าง การจูงดึง การโน้มน้าวที่เตลิดเพริศ (กัมมรตา = การงานอันเป็นกิเลส) คือ ผู้มอมเมาปวงชนให้หนักยิ่งขึ้นด้วย “ศิลปะ” ของผู้นั้นเอง ศิลปินผู้นี้ จึงเป็นผู้ลดค่าสัจธรรมในโลก เป็น “นักทำลายเศรษฐกิจ” คนสำคัญที่รู้กันได้ยากอยู่จริงๆ 

หมายเหตุ : คัดจากหนังสือ “ทางเอก” ของท่านพุทธทาสภิกขุ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น