บล็อกนี้ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องจาก แดนอรัญ แสงทอง

วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ริมรั้วหัวใจ จากโดม วุฒิชัย ถึง แดนอรัญ แสงทอง

บางส่วน จาก นิตยสารขวัญเรือน ปักษ์แรก มิ.ย.55

แดนอรัญ เพื่อนรัก --- เช้าตรู่วันนี้นกดุเหว่าส่งเสียงปลุกตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสาง ขอบฟ้าด้านทิศตะวันออกถูกระบายด้วยแสงสีทองของยามอรุณรุ่งเป็นภาพงดงาม ผมรู้สึกว่ายามเช้าเหมือนของขวัญชิ้นเล็กๆ ที่โลกหยิบยื่นให้กับมวลมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน ขึ้นอยู่ว่าใครจะเห็นค่าของขวัญชิ้นนี้หรือไม่ ทุกคนมีสิทธิ์รับและปฏิเสธได้ตามความพอใจ ผมชอบยามเช้าจึงตื่นแต่เช้าเสมอ, เมื่อคืนนี้ผมอ่าน “เดียวดายใต้ฟ้าคลั่ง” นิยายเรื่องล่าสุดของคุณจบลงด้วยหัวใจเต้นระรัว อันที่จริงผมควรจะอ่านตั้งแต่วันแรกที่ได้มาแล้ว เพียงแต่ผมรอเวลากลับมา “บ้านสวนขวัญ” ที่ปากช่องซึ่งเป็นที่พำนักของผมยามนี้ บอกกับตัวเองว่าการอ่านหนังสือเล่มนี้ควรจะหาที่เงียบๆ อยู่กับความสงัดเพื่อดื่มด่ำกับสุคนธรสจากดอกไม้งามอย่างเต็มที่, เพียงเปิดฉากแรกผมก็รู้สึกเร้าใจเพราะคาดไม่ถึงว่าคุณจะพาย้อนเวลากลับไปในสมัยพุทธกาลเมื่อ 2,000 กว่าปีก่อน คุณหยิบเรื่องราวของนางกีสาโคตมีขึ้นมาเล่าใหม่ด้วยวิธีของคุณ ด้วยน้ำเสียงของคุณ ด้วยสไตล์ของคุณ เรื่องราวของนางกีสาโคตมีที่คุณสร้างขึ้นมาใหม่ทำให้ผมติดตามทุกตัวอักษรไปด้วยใจจดจ่อ ถ้อยคำและศัพท์แสงแปลกเสียงแปลกตา กลิ่นอายชวนค้นหา แต่โชคดีที่ผมรู้จักท่วงทำนองของคุณจากหนังสือเล่มก่อนๆ มาบ้าง อ่านไปผมก็อุทานในใจไป โอ...ช่างวิเศษนัก.....เราไม่ได้พบกันมานานถึงเกือบ 20 ปี ผมนึกถึงเมื่อเราพบกันครั้งแรกในวัยหนุ่มที่ยังไม่ประสีประสาชีวิต ตั้งแต่ยังเป็นนักเขียนอ่อนหัด ใช่-อ่อนหัดของผมหมายความตามนั้นจริงๆ ตอนนั้นผมเพิ่งเริ่มต้นทำงานพิสูจน์อักษรและริเป็นนักเขียนไปด้วย คุณเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วแต่ไม่ยอมกลับบ้าน คุณเขียนหนังสือและแปลหนังสือไปด้วย ในขณะที่เพื่อนบางคนยังต้องขอเงินจากพ่อแม่เรียนหนังสืออยู่ เนื่องด้วยความรักในงานเขียนและการอ่านจึงชักนำให้เราได้มาเป็นเพื่อนกัน ผมไม่รู้ว่าห้องเช่าซอมซ่อริคลองแสนแสบซึ่งอยู่ข้างรั้วมหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒที่คุณเรียนจบมานั้นมีอะไรดีจึงดึงดูดให้ผมและเพื่อนๆ ต้องแวะเวียนไปหาคุณเสมอ.....(อ่านต่อได้ที่นิตยสารขวัญเรือน ปักษ์แรก มิ.ย.55)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น