โดย ผศ.ดร. อุษา พัดเกตุ
ประจำสาขาวิชาภาษาอังกฤษ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
บทคัดย่อ
อสรพิษ เป็นเรื่องสั้นของ “แดนอรัญ แสงทอง”
นักเขียนไทยที่ไปมีชื่อเสียงโด่งดังในต่างประเทศ
เนื้อเรื่องเล่าถึงการต่อสู้ระหว่างเด็กชายแขนพิการวัยสิบปีกับงูเห่ายักษ์เพศเมียตัวหนึ่ง
บทความนี้สำรวจการใช้สัมผัสภาษาของผู้เขียนที่ส่งผลให้เกิดอารมณ์และจังหวะการดำเนินเรื่องที่เป็นเอกลักษณ์ต่างๆ
กันไปในแต่ละช่วงของเนื้อเรื่อง
และความเป็นสากลในการใช้งูเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้ายในเรื่องสั้นเรื่องนี้
ตลอดจนวิเคราะห์วิพากษ์ตัวละครหลักที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง
บทนำ : ... มาจะกล่าวบทไป
“แดนอรัญ แสงทอง” อาจจะไม่เป็นชื่อที่นักอ่านไทยคุ้นเคย
วงการหนังสือไทยยังไม่ได้จับนักเขียนคนนี้ขึ้นแท่นเป็นนักเขียนชั้นแนวหน้าของฟ้าเมืองไทย
แต่งานเขียนของเขากลับไปมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่นิยมในต่างประเทศ นวนิยายและเรื่องสั้นของเขาได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษ
ฝรั่งเศส กรีก คาตาลัน โปรตุเกส อิตาเลี่ยน และสเปน
และตัวผู้เขียนก็ได้รับการขนานนามจากชาวต่างชาติว่าเป็น
“นักเขียนชาวไทยผู้ยิ่งใหญ่” เท่านี้ก็เพียงพอแล้วกระมังที่จะทำให้นักอ่านชาวไทยหันมาพิจารณาดูผลงานของ
“แดนอรัญ แสงทอง” ว่ามีสิ่งใดที่โดดเด่นและเป็นสากล
สามารถสะกดความศรัทธาของผู้อ่านข้ามชาติ ข้ามศาสนาไว้ได้
... ถึงภาษาไทยในเรื่องสั้น
“แดนอรัญ แสงทอง”
เขียนหนังสือได้หนักหน่วงไปด้วยสัมผัสคล้องจอง เขาเขียนหนังสือเหมือนด้นกลอนสด
เรื่องราวต่างๆ พรั่งพรูเป็นถ้อยคำสำนวนความเรียงที่ถูกร้อยรัดไว้หลวมๆ
ด้วยวิญญาณของกวี เรื่องสั้นเรื่อง อสรพิษ เปิดเรื่องด้วยสัมผัสนอกและใน
บรรยายธรรมชาติในยามเย็นว่า :
จวนจะเย็นย่ำแล้ว แดดอ่อนรอนแสงลงแล้ว ดวงตะวันเป็นสีแดงแก่ก่ำ
นุ่มนวลอ่อนโยนลง
ท้องฟ้าปร่ง ** โล่งเหมือนโดมแก้วผลึก เสี้ยวเมฆบางเบาบนเส้น
ขอบฟ้าเหนือทิศตะวันตกเมื่อต้องแสงตะวันมีสีสันงามประหลาด
การบรรยายธรรมชาติยามเย็นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงระหว่างการจู่โจมของงูยักษ์
จากความงดงามของท้องฟ้ามาเป็นความว้าเหว่ของท้องทุ่ง
จังหวะสัมผัสของการบรรยายธรรมชาติเป็นเสมือนการให้จังหวะโจมตีของเจ้างูนั้น :
ความโกรธเกรี้ยวของเจ้างูโหมกระพือ มันยืดตัวสูงขึ้นอีก หัวของมันแอ่นเอนมาทางเบื้องหลังเหมือนคันธนูที่ถูกน้าวจนสุดล้า
ปากของมันอ้าออก เผยให้เห็นเขี้ยวอันโค้งงดและวาววับ ลมทุ่งยังกระโชกวู่หวิว
มิหยุดยั้ง ขอบดวงทางด้านล่างของดวงตะวันแตะเส้นขอบฟ้า
เสียงวัวลูกแหง่ร้องเรียกหาแม่ดังมาอย่างว้าเหว่ เหยี่ยวแดงตัวหนึ่งลอยละล่องอยู่สูงลิบลิ่ว
ส่งเสียงกรีดร้องแหลมสูงด้วยความหิวโหยขณะมุ่งหน้ากลับไปสู่รวงรังอันเร้นลับของมัน
ยังมิทันสิ้นเสียงร้องของเหยี่ยว เจ้างูก็ฉกลงมาเต็มแรง
...
อสรพิษ กับความเป็นสากล
เพียงการเล่นคำเล่นสำนวนแบบไทยๆ
คงจะไม่ทำให้ผลงานของ “แดนอรัญ แสงทอง” เป็นที่นิยมได้ในระดับนานาชาติ
คงต้องยอมรับกันว่าการแปลผลงานวรรณกรรมเป็นภาษาต่างๆ
แม้ผู้แปลจะเก่งฉกาจและเชี่ยวชาญในศาสตร์การแปลเพียงใด
ก็คงไม่อาจเก็บอรรถรสของถ้อยคำภาษาต้นฉบับได้ครบถ้วนสมบูรณ์
เพราะสิ่งนี้เองที่ทำให้ภาษาแต่ละภาษามีเอกลักษณ์ความงามในตัวเองที่ลอกเลียนแบบไม่ได้
ในการพิจารณาถึงความนิยมชมชอบที่นักอ่านชาวต่างชาติมอบให้ “แดนอรัญ แสงทอง”
ผู้อ่านจึงต้องมองหาความเป็นสากลในผลงานของนักเขียนผู้นี้ที่ได้ช่วยทำให้เขามีชื่อเสียงในวงการนักอ่านที่ไม่ใช่คนไทย
จะขอเริ่มจากชื่อเรื่อง
“อสรพิษ” ที่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกแขยงกลัวตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มเรื่อง
จากคำนำของผู้เขียนทำให้ทราบว่าผู้เขียนมิได้มีเจตนาผลิตเรื่องสั้นเรื่องนี้ให้เป็นผลงานชิ้นโบแดง
และความสำเร็จของ อสรพิษ
ในระดับนานาชาติก็ยังความประหลาดใจมาให้ตัวผู้เขียนเองไม่น้อย จึงอาจจะกล่าวได้ว่า
อสรพิษ เป็นความบังเอิญที่โชคดี กล่าวคือ
เป็นความบังเอิญของผู้เขียนที่ยกให้ “งู” เป็นตัวละครเอกตัวหนึ่งในเรื่องนี้
และยังตั้งชื่อเรื่องให้เห็นความน่าสะพรึงกลัวของสัตว์ประเภทนี้
และเป็นความโชคดีของงานเขียนชิ้นนี้ที่ “งู” มิได้เป็นเพียงสัตว์ที่คนไทยรังเกียจ
เข็ดขยาดทั้งในรูปลักษณ์และพิษสงของมัน
หากแต่เป็นสัญลักษณ์แห่งความชั่วร้ายลวงหลอกในอีกหลายวัฒนธรรมรวมถึงวัฒนธรรมชาวคริสต์
ซึ่งเป็นที่มาของความเชื่อความศรัทธาในบรรดาประเทศตะวันตกที่ผลงานของ “แดนอรัญ
แสงทอง” กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้
พระคัมภีร์ไบเบิ้ลตามความเชื่อในคริสต์ศาสนา
เล่าไว้ว่า เมื่อพระเจ้าสร้างมนุษย์ชายหญิงขึ้นมาคู่หนึ่ง
พระองค์โปรดให้มนุษย์ทั้งสอง ที่รู้จักกันในชื่อ อาดัม และ อีฟ
ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสวนอีเดน ให้มีกินมีใช้ โดยไม่ต้องออกแรงทำงานใดๆ
ต่อมาไม่นาน ซาตานซึ่งเป็นศัตรูของพระเจ้าจ้องหวังจะทำลายความปรารถนาดีของพระองค์
จึงแปลงกายมาเป็นงูเลื้อยพันอยู่กับต้นแอปเปิ้ลแห่งความรู้
ซึ่งเป็นต้นไม้เพียงต้นเดียวในสวยอีเดนที่อาดัมและอีฟถูกสั่งห้ามไม่ให้เก็บกินผล
ซาตานในคราบของงูได้หว่านล้อมให้อีฟหลงเชื่อ
ขัดขืนคำสั่งของพระเจ้าและกินผลแอปเปิ้ลบนต้นไม้ตั้น เมื่ออีฟได้ลิ้มรสอันหอมหวานของผลแอปเปิ้ล
ก็ชักชวนให้อาดัมกินตาม พระเจ้าทราบเรื่องก็พิโรธหนัก
ขับไล่มนุษย์ทั้งสองให้ออกจากสวนอีเดน พร้อมกับคำสาปว่า
ทั้งอาดัมและอีฟตลอดจนลูกหลานที่จะตามมา
จะไม่มีวันได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอีกต่อไป ถ้าอยากมีอยากกินก็ต้องทำงาน แลกอาหารด้วยหยาดเหงื่อและแรงกาย
เป็นอันว่าเจ้าซาตานร้ายก็ประสบความสำเร็จในการปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในอาณาจักรของพระเจ้าได้จริงๆ
ในครานั้น มนุษย์คงยังไม่มีภาพลักษณ์ที่เป็นลยเกี่ยวกับสัตว์เลื้อยคลานเช่นงู
เพราะไม่เห็นมีบันทึกว่าอีฟตื่นตระหนกที่จะต้องเจรจากับซาตานในร่างของงู
แต่ผลจากเรื่องเล่านี้ก็ทำให้งูกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้ายในระบบความเชื่อของชาวตะวันตก
ซึ่งก็เข้ากันได้พอดิบพอดีกับเนื้อหาของเรื่องสั้นเรื่อง อสรพิษ ของ
“แดนอรัญ แสงทอง”
หมายเหตุ : คัดมาบางส่วนจากบทความ อสรพิษ
: พิษงูไม่ร้ายเท่าพิษคน
โดย ผศ.ดร. อุษา พัดเกตุ ขอขอบคุณเป็นอย่างสูงมา ณ ที่นี่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น